ปราสาทซันตันเจโล (Castel Sant'Angelo) เป็นป้อมปราการอันยิ่งใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไทเบอร์ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของกรุงโรม ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของปราสาทแห่งนี้ เคยทำหน้าที่เป็นสุสานของจักรพรรดิ ป้อมปราการ ที่หลบภัยของสมเด็จพระสันตะปาปา รวมถึงเคยเป็นเรือนจำและพิพิธภัณฑ์ ปราสาทแห่งนี้มีชื่อเสียงจากอาคารทรงกลมและรูปปั้นอัครเทวดามิคาเอลที่ตั้งอยู่ด้านบน และยังดึงดูดผู้คนจำนวนมากในฐานะแหล่งท่องเที่ยวของกรุงโรม ร่วมกับสะพานซันตันเจโลที่อยู่ติดกัน
ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์
ปราสาทซานตันเจโลเดิมสร้างขึ้นตามคำสั่งของจักรพรรดิแห่งโรมัน ฮาเดรียน (ครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 117–138) เพื่อใช้เป็นสุสานสำหรับพระองค์เองและครอบครัว การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ประมาณปี ค.ศ. 139 และการออกแบบยังคงรักษาประเพณีของสุสานทรงกลมในยุคโรมันโบราณไว้
ในยุคกลาง สุสานแห่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงเป็นป้อมปราการ และตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 เป็นต้นมา ได้ถูกใช้เป็นที่หลบภัยของพระสันตะปาปา ทางลับที่เรียกว่า "ปัสเซ็ตโต ดิ บอร์โก (Passetto di Borgo)" ซึ่งเชื่อมต่อจากพระราชวังวาติกันไปยังปราสาท ได้รับการพัฒนาในยุคนี้ ทางลับนี้เป็นที่รู้จักจากการที่พระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 ใช้ในช่วงการปล้นกรุงโรมในปี ค.ศ. 1527
ชื่อที่มา
ชื่อของปราสาท 'ซานตันเจโล (เทวทูตศักดิ์สิทธิ์)' มีที่มาจากตำนานที่ว่า ในช่วงการระบาดของโรคระบาดครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 590 พระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 1 ได้เห็นภาพเทวทูตมิคาเอลเก็บดาบของเขาเหนือปราสาท ซึ่งเหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของโรคระบาด หลังจากนั้น รูปปั้นของเทวทูตมิคาเอลก็ถูกติดตั้งไว้บนยอดปราสาท รูปปั้นนี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของปราสาทและต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน
สถาปัตยกรรมและโครงสร้าง
ปราสาทซันตันเจโลเป็นสถานที่ที่น่าสนใจในแง่ที่การก่อสร้างของมันได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ฐานวงกลมยังคงหลงเหลือร่องรอยของสุสานในยุคโรมันโบราณ แต่ด้านบนถูกเสริมด้วยโครงสร้างป้อมปราการที่ถูกเพิ่มเข้ามาตั้งแต่ยุคกลางจนถึงยุคเรอเนซองส์
ภายในปราสาทแบ่งออกเป็นหลายชั้น โดยมีทางเดินเป็นเกลียวที่เชื่อมต่อจากส่วนกลางของสุสานไปยังส่วนบนของปราสาท ภายในมีพื้นที่อยู่อาศัยของพระสันตะปาปา โบสถ์ ห้องเก็บอาวุธ และคุก ซึ่งแต่ละส่วนสะท้อนถึงการใช้งานในยุคสมัยที่แตกต่างกัน จากดาดฟ้าของปราสาท คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามที่มองเห็นเมืองโรมและนครวาติกันได้ทั้งหมด
ไฮไลท์
-
รูปปั้นอัครเทวดามิคาเอล
รูปปั้นที่ตั้งอยู่บนยอดปราสาทนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการสิ้นสุดของโรคระบาด และรูปปั้นสำริดในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1753 รูปปั้นนี้เป็นสัญลักษณ์ของปราสาทและเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก -
พัสซัต ดิ บอร์โก
ทางลับที่เชื่อมระหว่างพระราชวังวาติกันและปราสาทซานตันเจโลเป็นพื้นที่ลึกลับที่ปรากฏในภาพยนตร์และวรรณกรรม ความจริงที่ว่าทางลับนี้ถูกใช้ในช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น การปล้นกรุงโรม บ่งบอกถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของปราสาทแห่งนี้ -
พิพิธภัณฑ์ในปราสาท
ปัจจุบัน ปราสาทซานตันเจโลเปิดให้เข้าชมในฐานะพิพิธภัณฑ์ โดยมีการจัดแสดงผลงานศิลปะ อาวุธ และเอกสารทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคโรมันโบราณจนถึงยุคเรอเนซองส์ โดยเฉพาะพื้นที่อยู่อาศัยอันหรูหราของพระสันตะปาปาและระบบป้องกันที่น่าชมเป็นพิเศษ -
สะพานซานตันเจโล (Ponte Sant'Angelo)
สะพานที่นำไปสู่ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยจักรวรรดิโรมัน และต่อมาได้รับการตกแต่งด้วยรูปปั้นเทวดาฝีมือของแบร์นีนี การที่รูปปั้นเรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่งของสะพานสร้างทัศนียภาพที่งดงามและเหมาะแก่การถ่ายภาพอย่างยิ่ง
ปัจจุบันปราสาทซานตันเจโล
ปราสาทซันตันเจโลไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานของกรุงโรม ซึ่งดึงดูดผู้คนจำนวนมาก นอกจากนี้ บริเวณลานปราสาทและพื้นที่โดยรอบยังมีการจัดกิจกรรมและตลาดตามฤดูกาล ทำให้เป็นสถานที่ที่ผู้คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการพบปะและแลกเปลี่ยนกันได้อีกด้วย
สรุป
ปราสาทซันตันเจโลได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของมันไปตามประวัติศาสตร์ของกรุงโรม ตั้งแต่ยุคโบราณ ยุคกลาง จนถึงยุคปัจจุบัน แต่ยังคงรักษาความสำคัญของมันไว้เสมอ นอกจากบทบาทในฐานะสุสาน ป้อมปราการ และที่หลบภัยของพระสันตะปาปาแล้ว ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ผสมผสานศิลปะและประวัติศาสตร์ ซึ่งสร้างความประทับใจลึกซึ้งให้กับผู้มาเยือนอีกด้วย เมื่อคุณมาเที่ยวกรุงโรม อย่าลืมแวะชมปราสาทอันยิ่งใหญ่นี้และสัมผัสลมหายใจแห่งประวัติศาสตร์ของมัน